รอยดำที่เกิดหลังจากแผลอักเสบหายแล้ว ทำให้สีผิวเปลี่ยนแปลง บางครั้งเป็นรอยแดง หรือรอยน้ำตาล ซึ่งเกิดขึ้นบนผิวหนังหลังจากสิวอักเสบหายไปแล้ว
Healy และ Simpson จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเทิล แผนกผิวหนังกล่าวว่า สิวนั้นเป็นอะไรที่ธรรมดาและเห็นได้บ่อย ๆ เป็นสิบ ๆ ปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันความรุนแรงของสิวในวัยรุ่นนั้นลดลง และเกิดขึ้นมากในผู้ที่มีช่วงอายุ 20-30 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่คาดหวังสูงในผลการรักษา ผู้คนส่วนใหญ่ในทุกวัยมักมีปัญหาเกิดรอยดำหลังจากการอักเสบหายแล้ว
ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งหลาย, ยารักษา และวิธีการรักษาเองที่บ้าน แสดงให้เห็นว่าการรักษารอยดำดังกล่าวได้ผลปานกลาง วิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกาและที่อื่น ๆ ทั่วโลกได้สรุปดังหัวข้อนี้
การลอกผิวด้วยสารเคมี
การลอกผิวด้วยสารเคมีนั้นดูเหมือนจะได้รับนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากราคาไม่แพงและขั้นตอนการทำที่สะดวก การลอกผิวด้วยสารเคมีคือการทากรดหลาย ๆ ชั้นลงบนผิวบริเวณที่มีรอยดำ เพื่อกำจัดผิวชั้นบนสุด ด้วยอุปกรณ์ควบคุมการออกฤทธิ์ของสารเคมี
กรด Glycolic, Lactic และ Trichloroacetic เป็นตัวอย่างของกรดผลไม้ AHA เป็นสามชนิดที่ได้รับการแนะนำให้ใช้ในการลอกผิวด้วยสารเคมี
กรด Glycolic ไม่มีทั้งสีและกลิ่น มีความเข้มข้มหลากหลายตั้งแต่ 10% - 80% เป็นวิธีการลอกผิวเองที่บ้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความสามารถในการซึมที่ดี และความเป็นอันตรายต่ำ
ก่อนการเริ่มขั้นตอนการลอกผิวด้วยกรด glycolic แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนประกอบของ glycolic ก่อน เพื่อเป็นการปรับผิวให้พร้อมต่อขั้นตอนการลอกผิวในลำดับต่อไป หลังจากขั้นตอนการปรับเตรียมผิวแล้ว ใช้คัตตอนบัดชุบกรด glycolic แล้วทาทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที เมื่อครบ 2 นาทีแล้ว ปรับสภาพผิวให้เป็นกลางโดยทาเบคกิ้งโซดา หรือล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขั้นตอนเหล่านี้สามารถทำได้ทุก ๆ สองสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลเต็มที่ รอยดำจากสิวอักเสบจะจางลงอย่างสังเกตเห็นได้หลังจากการทำการลอกผิวประมาณ 6 ครั้ง สำหรับผู้ที่ไม่เคยทำการลอกผิวด้วย glycolic แนะนำให้เริ่มความเข้มข้นที่ 10-15% ในผู้ที่เคยทำการลอกผิวด้วย glycolic แล้ว อาจใช้ความเข้มข้นที่ 30-50% หลังจากผิวปรับสภาพให้คุ้นเคยกับการลอกผิวด้วยวิธีนี้แล้วก็สามารถเพิ่มความเข้มข้นให้สูงขึ้นได้หากจำเป็น
อีก 2 กรดที่ช่วยเรื่องรอยแดง-ดำจากสิวต่อจากบทความเมื่อวานที่ลง Glycolic Aid ไว้ บทความนี้จะเป็นเรื่อง Lactic Acid กับ TCA ซึ่งแรงที่สุดในบรรดากรดเคมีที่ใช้กัน หลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ยินว่า TCA คืออะไร ถ้าเคยไปคลีนิคจะร้องอ๋อครับเพราะส่วนใหญ่ตามคลีนิคจะเอามาแต้มที่เป็นรอยดำ รอยตกกระให้มันจางเร็วขึ้น
กรด lactic เป็น AHA ที่อ่อนโยนกว่า Gylcolic Acid ที่ผู้ใช้อาจเริ่มความเข้มข้นได้ตั้งแต่ 30% -50% โดยไม่มีผลข้างเคียงอันตราย ขั้นตอนการใช้ก็ขึ้นอยู่กับชุดผลิตภัณฑ์ว่ามีอะไรบ้าง บางชุดมีขั้นตอนการเตรียมผิวให้มีค่า pH ที่เหมาะสมในการลอกผิวซึ่งจะใช้ทาบริเวณที่ต้องการก่อนขั้นตอนการลอก ขั้นตอนการลอกผิวของแลคติคก็คล้าย ๆ กับการลอกด้วย glycolic จะมีแตกต่างกันก็ตรงระยะเวลาที่ทิ้งไว้บนผิวที่นานกว่า โดยปกติแล้วนานกว่าประมาณ 3-7 นาที การลอกผิวด้วย lactic นั้นให้ผลดีกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นกรดที่อ่อนโยน ดังนั้นการลอกผิวด้วยกรด lactic จะให้ผลดีไม่เท่ากับการใช้กรด glycolic หรือ trichloracetic
กรด Trichloroacetic (TCA) เป็นชนิดที่เข้มข้นที่สุดในบรรดาการลอกผิวด้วยสารเคมีทั้ง 3 ชนิดที่กล่าวถึง ดังนั้นโดยทั่วไปจะใช้ความเข้มข้นระหว่าง 10-50% โดย 15% ถือเป็นความเข้มข้นที่ใช้ทั่วไป ปกติแล้วความเข้มข้นที่แนะนำให้ใช้นั้นขึ้นอยู่กับว่าผิวทนได้แค่ไหน และจุดด่างดำหรือรอยสิวนั้นอยู่ลึกเพียงใด และเมื่อเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น ก็จะทำให้ผลที่ได้มากขึ้นตามไปด้วย วิธีการใช้คือ ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มที่น้ำยาแล้วแตะบริเวณที่ต้องการให้หลุดลอกออกไป แทนที่จะทิ้งให้น้ำยาแช่อยู่บนผิวสักพัก ให้เอาไม้จิ้มฟันที่แตะน้ำยาจิ้ม ๆ เบา ๆ บนจุดที่ต้องการกำจัดประมาณ 2 นาที การลอกผิวด้วย TCA นั้นไม่จำเป็นต้องปรับผิวให้เป็นกลาง ดังนั้นน้ำยาที่แต้มไว้จึงไม่ต้องล้างออก เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นในวันถัดไปให้ทำขั้นตอนเดียวกันซ้ำอีก หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วันผิวจะตึงตกสะเก็ดแล้วจะหลุดออกไป ผิวใหม่ก็จะขึ้นมาแทนที่ สีผิวและโครงสร้างผิวก็จะดีขึ้น
ขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก acnethai.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น